รายงานตัว + ปฐมนิเทศน์ MUIC
- kengksn
- Oct 26, 2015
- 2 min read
สวัสดีทุกคน~~~
ในโพสต์นี้เราจะมาเล่าประสบการณ์วันรายงานตัวและปฐมนิเทศน์ของ MUIC น้า
วันรายงานตัว
เป็นวันที่ง่ายๆสบายๆ คือ ไปเอาแบบฟอร์ม คล้ายๆกับให้กรอกประวัติส่วนตัวนุ้นนี่ และ ซื้อชุด เข็มขัด เน็กไทด์(ของนิสิตชาย) เข็มกลัด(ของนิสิตหญิง) ไปจ่าย admission fee ที่ finance แล้วก็กลับบ้านได้ ไม่มีอะไรเลอออ .__.
ตรวจสุขภาพ
เราก็ไปนอนที่หอรายวันใกล้ๆม. เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง เพราะบ้านอยู่ไกล(มาก) สิ่งที่ต้องเตรียมไป เขาจะมีเอกสารแนบมาให้ เราก็ดู คร่าวๆก็ รูปถ่าย 1 นิ้วใส่ชุดพิธีการ กับ สำเนา บัตรประชาชน (ทะเบียนบ้าน? อันนี้ไม่แน่ใจ ลืม…) พอไปถึงก็ไปดูที่บอร์ดว่า เราได้เลขนักศึกษาที่เท่าไหร่ ได้เรียนภาษาอังกฤษระดับไหน มี 3 tracks คือ
English Resources Skill (ERS)
Intermediate English Communication (EC I)
Advanced English Communication (Advanced EC)
เราได้อันที่ 2 อธิบายคร่าวๆคือ ปกติจะต้องเริ่มเรียน EC1 จนถึง EC3 และ หลังจากนั้นก็เลือกวิชาในหมวดภาษาอังกฤษ เป็นวิชาบังคับ แต่บางคนสอบเข้าทำได้ไม่ค่อยดี ก็จะต้องโดนบังคับ ให้เรียน ERS ก่อน เป็นวิชาบังคับไม่มีหน่วยกิจ(เขียนยังไง? กิต? กิจ?) แต่ในทางกลับกัน ถ้าใครเก่งมากๆ ก็จะได้ขึ้นไปเรียน Advanced EC1-2 เรียนแค่ 2 ตัว แล้วเลือกวิชาในหมวดภาษาอังกฤษอีกหนึ่งตัว
นอกจากจะดูว่าได้เรียนภาษาอังกฤษระดับไหนแล้ว ข้างๆกันก็จะบอกไว้ว่า เราจะได้เรียน คณิตระดับไหน
Refresher Mathematics (R-math)
Intensive Mathematics (I-Math)
Core (Calculus, Fundamental mathematics, Basic Math, Introduction to Mathematics)
บางคนที่ไม่ค่อยเก่งเลขเท่าไหร่ (เช่น เรา) ก็จะได้เรียน R-Math หลังจากจบแล้วก็ต้องต่อ I math ถึงจะขึ้น Core ได้ core ที่ว่าหมายถึงคณิตที่บังคับให้เรียนในคณะ อย่างเราเรียน Bio ก็ต้องเรียน Calc 1 & 2 ก็ต้องผ่าน R และ I math ก่อน ถึงจะเรียน Calculus ได้ ถ้าคนที่เข้า BBA ก็เรียน fundamental math คนที่เรียน Social Sci ก็เรียน Intro to Math แต่คนที่เรียน FAA คือจะได้เรียน Basic math แบบไม่ต้องเรียน R หรือ I math คือขึ้น basic math เลย เพราะไม่ต้องใช้เลข ในmajor เท่าไหร่
หลังจากเราทราบเลขแล้ว เราก็ไปที่โต๊ะลงทะเบียน เพื่อขอรับเอกสาร จะมีแบบฟอร์มให้ ในฟอร์มจะมีช่องของแต่ละ แผนก เราต้องไปแต่ะแผนกและให้เจ้าหน้าที่เซ็นให้ครบถึงจะเสร็จหมดนะ
แผนกก็จะมี
ตรวจเอกสาร
ถ่ายรูปบัตรนักศึกษา
เปิดบัญชีธนาคาร
ไฟแนนซ์
ตรวจสุขภาพ
ประกัน
ตรวจเอกสาร-ก็ไม่มีอะไรมาก ก็เตรียมตามที่เขาให้เอามา
ถ่ายรูปบัตร– อันนี้มหาภัยมาก เพราะเขาจะให้ต่อแถว แล้วขึ้นไปถ่ายทีละคน แล้วถ่ายแค่ช็อตเดียว บอกได้เลยว่า ไม่มีใครดูดี หน้าติดบัตรนี่เกินบรรยายมากก….
เปิดบัญชีธนาคาร– เราจะได้เปิดบัญชีธนาคาร โดยพี่จากธนาคารจะมาตั้งโต๊ะ บัญชีนี้ใช้เวลาจ่ายค่าเทอมนะ
ไฟแนนซ์ – ก็เอาใบที่เราจ่าย admission fee ไปยื่นที่ไฟแนนซ์ ให้เขาเซ็นให้ว่าจ่ายแล้ว
ประกัน – อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำอะไร เราไปนั่งเฉยๆแล้วก็เสร็จแล้ว
ตรวจสุขภาพ– อันนี้จะมีรถตู้รับ-ส่ง ไปที่ศูนย์การแพทย์กาญจนาฯ ตรวจอะไรบ้าง เริ่มแรกก็ วัดน้ำหนัก ส่วนสูง ความดัน ตาบอดสี เช็คตา คอ หู จมูก ฟังเสียงหัวใจ (เราโดนฟังตั้ง 2 รอบ คือแบบรอบแรกไปปกติ แล้วต้องไปทำอย่างอื่นแล้วกลับมาตรวจใหม่) จากนั้นก็ไปตรวจฉี่ เอ็กซเรย์ปอด และ ตรวจฟัน (ดีใจมาก หมอบอกฟันดี ไม่มีหินปูน ไม่มีฟันผุ) เสร็จแล้วก็นั่งรถกลับมา เป็นอันเสร็จภารกิจของทั้งวัน
Orientation
เราก็งงๆว่าจะใช้คำว่า วันปฐมนิเทศน์วันไหนดี วันที่ตรวจสุขภาพ หรือ วันนี้ดี แต่ช่างมันเถอะ หลักๆ Orientation จะมี 3(+1) วัน
วันแรก ไปลงทะเบียน ฟังเขากล่าวต้อนรับ บลาๆ เรื่องเกรด การประพฤติตัวอะไรแบบนี้ ช่วงบ่ายก็แนะนำเกี่ยวกับภาษา นักศึกษา(เกือบ)ทุกคนจะต้องเรียนภาษาอย่างน้อย 2 ตัว หรือเลือกวิชาในหมวด humanities
ภาษาทีมีให้เลือก
จีน
ฝรั่งเศส
เยอรมัน
สเปน
ไทย
ญี่ปุ่น
อินโดนีเซีย
หลังจากเลือกภาษาแล้วเขาก็จะให้ไปตามห้องของภาษาที่เลือก หากคนที่เคยเรียนภาษานั้นๆมาก่อนแล้ว ก็จะต้องไปสอบ เพื่อเข้าเรียนคลาสที่เหมาะกับตัวเองกว่า อย่างเราเลือกภาษาจีน แล้วเรียนมาแล้ว ก็ต้องไป interview แล้ว ก็ได้เรียน จีนระดับที่สูงกว่า แทนที่จะต้องเริ่ม จีน1 ตั้งแต่แรก (แต่แนะนำว่าแกล้งทำเป็นไม่รู้ดีกว่า เพราะขึ้นมาแล้วโคดยากกก เรียนอันแรกดีฟ่าาา)
หลังจากเรื่องภาษาเสร็จเขาก็จะให้เราแยกย้ายไปตามห้องของ major เพื่อคุยกับอ.ที่สอน หาอ.ที่ปรึกษา แล้วก็ฟังคำแนะนำจากรุ่นพี่ใน major
วันที่สอง วันนี้ในตอนเช้าเขาจะให้เราไปที่computer lab เพื่อลงวิชาเรียนของเทอมแรก หลังจากนั้นก็ไปนั่งฟังต่อ แล้วมื้อเที่ยงจะเป็น Table manners and Etiquette หรือมารยาทบนโต๊ะอาหาร แนะนำอย่างยิ่งให้ท่านหาของกินรองท้องไปก่อน เพราะอาหารนี่ กว่าจะได้กินแต่ละคำ ความเป็นผู้ดี แทรกซึมเข้าไปสู่ DNA กันเลยทีเดียว มีเพื่อนกินขนมปังอ้าปากกว้างมาก โดนพี่ที่สอนแซวว่า เป็นความสามารถพิเศษให้ออกไปอ้าให้เพื่อนดูหน้าห้อง พวกเราก็แกล้งทำท่าเยอะๆกลับใส่พี่เขา จนพี่เขาบอกว่า จะจองตัวไปเป็นหลีดด้วย5555 หลังจากมื้อเที่ยงที่เชื่องเช้าตามสไตล์ผู้ดีโรงแรมผ่านไป ก็จะเป็นช่วงบ่าย นั่งฟัง เกี่ยวกับ Personality Development อันนี้สนุกมากกกกกกกกก อ.ตลกมากกกกก ก็สอนเกี่ยวกับการวางตัว ไม่ใช้คำหยาบ ทำให้ตัวเองถูกคนอื่นมองในทางที่ดีขึ้นอะไรแบบนี้ ก็รู้สึกได้ประโยชน์เยอะมาก
วันที่สาม นั่งฟังเช่นเดิม….
วันที่สี่ (ไปก็ได้ ไม่ไปก็ได้) แต่แนะนำให้ไปอย่างยิ่ง สนุกมากก วันนี้คือวันที่จะได้เจอพี่กรุ๊ป ที่MUIC จะรับน้องเป็นกรุ๊ป คือเราจะเข้าไปอยู่ในกรุ๊ปต่างๆ แล้วจะมี พี่ๆคอยเทคแคร์เราดีมากๆ เต้นกันสุดเหวี่ยงมาก พี่ๆจัดเต็ม ทำให้เรารู้จักเพื่อนๆ และ พี่ๆเยอะขึ้น
วันนี้ขอตัวไปติวต่อละ บัยยยส์
Recent Posts
See Allสวัสดีนะทุกคน~~ วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์สอบตรง MUIC หรือ มหิดลอินเตอร์ *เรื่องราวต่อไปนี้ เล่าจากประสบการณ์และมุมมองของ จขบ.เอง...
Commenti